D - LINK : DIR - 457

D - LINK : DIR 457

เป็นอุปกรณ์ Modem/Rount ผ่านเครือข่าย 3G สามารถทำงานได้จากแหล่งจ่ายไฟหลายแบบคือ
จากแบตเตอรี่ สาย USB และอะแดปเตอร์แปลงไฟ เหมาะสำหรับการพกพาเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้จากทุกแห่งที่มีสัญญาณจากเครือข่าย 3G เปิดบริการ โดย DIR-457 สามารถทำงานได้ 2 โหมด คือ ทำหน้าที่เป็น Modem 3G สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G และทำหน้าที่เป็น Wi – Fi “Router 3G ซึ่งทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G แล้วแชร์อินเทอร์เน็ตนั้นให้กับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้างแบบ Wi – Fi

DIR – 457 My pocket Router ให้อัตราความเร็วข้อมูลการดาวน์โหลดได้สูงถึง 3.6 Mbps จากการใช้ SIM Gard ของผู้ให้บริการเครือข่าย 3G (UMTS/HSDPA) และสามารถอัพโหลดได้สูงสุดที่อัตรา 384 kbps ภายในเครื่องยังมีช่องสำหรับการ์ดหน่วยความจำแบบ micro SD เพื่อใช้เป็นพื้นที่สำหรับแชร์ข้อมูลระหว่างใคลเอ็นต์ด้วยกันได้ ในด้านการรักษาความปลอดภัย สนับสนุนการเข้ารหัสรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐาน WPA-SK/WPA2-PSK, WPS(PIN/PBC) และ WEP(64/128 bit)

สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ www.dlink.co.th

บรรณานุกรม
D-LKND : DIR-457, MICRO computer. 28 , 295(2010) : 36.

การจัดการความรู้ด้วยไอที

“การจัดการความรู้ด้วยไอที”
การจัดการความรู้มีหลายระดับ ตั้งแต่การเก็บสะสมเพื่อตนเอง การรวมกลุ่มกันทำงานหรือรวบรวมความรู้เพื่อใช้ในองค์กร จนกรอบใหญ่สุดคือการร่วมกันของคนทั้งโลกเก็บสะสมองค์ความรู้ ดังตัวอย่างของแหล่งความรู้นบอินเทอร์เน็ต การใช้ไอทีมาช่วยในการจัดการความรู้นั้นก็ทำได้ง่ายขึ้นหากว่าเราเข้าใจและสามารถใช้สื่อเหล่านั้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โปรแกรมที่ผู้เขียนบทความแนะนำมาคือ โปรแกรมจำพวก Open sorft มาชใช้ในการจัดการกับข้อมูล เช่น MySQL ใช้เป็นฐานข้อมูล MediaWiki ใช้ตั้งระบบเก็บรวบรวมความรู้ WordPress ใช้เพื่อทำบล็อก และ Joomla ใช้ทำเรื่องจัดการเนื้อหาที่สะสมไว้ในเว็บส่วนตัวของเขาเอง เราสามารถใช้เครื่องส่วนตัวของเราจัดการกับข้อมูลเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ใหญ่ในระดับผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์ แต่เราก็สามารถที่จะทำได้ และสิ่งที่ผู้เขียนบทความนี้อยากแนะนำให้คือ การหันความสนใจมาใช้โปรแกรมจำพวก Open sorft มากกว่าการใช้โปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์
สิ่งที่ได้รับคือการใช้คอมพิวเตอร์จะมีมูลค่าเพิ่มได้อีกมากมาย หากเราใช้มันเป็น

บรรณานุกรม
ยืน ภู่วรวรรณ . การจัดการความรู้ด้วยไอที, MICRO computer. 27,288(2009) : 19.

SRAN

“SRAN” เทคโนโลยีด้านความมั่นคง...เพื่อไทย

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจราจรของเครื่องคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายและยังมีคุณสมบัติอื่นๆ รวมอยู่อีกด้วย ซึ่งอุปกรณ์ SRAN นี้เป็นอุปกรณ์สำหรับองค์กรหรือหน่วยงานที่จะต้องการล็อกข้อมูลขององค์กรตัวเองบนระบบเครือข่าย ส่วนสมบัติอื่นๆ ของอุปกรณ์ SRAN พอจะบอกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ คือ
1. Intrusion / Extrusion เป็นการเฝ้าระวังและเก็บบันทึกข้อมูลภุยคุกคามที่เกิดขึ้นภายในและภายนอกเองค์กรได้

2. Internal Threats / Hacking เป็นการเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ระบบไอทีในองค์กรว่าเข้าข่ายการบุกรุกภายในองค์หรือไม่

3. Lawful Interception สามารถสืบพฤติกรรมการใช้งานที่ต้องสงสัยจากการใช้ระบบสารสนเทศ เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบคดีความได้

บรรณานุกรม
ทีมงาน SRAN – Dev. “SRAN” เทคโนโลยีด้านความมั่นคง...เพื่อไทย, MICRO computer. 27,288(2009) : 32-35

การเขียนอ้างอิง

การอ้างอิง
การอ้างอิงมีหลายรูปแบบในที่นี้จะอธิบายเฉพาะการอ้างอิงระบบนามปี
รูปแบบการอ้างอิงที่แทรกในเนื้อหา


1.ผู้แต่งคนเดียว ถ้าเป็นชาวต่างประเทศให้ลงเฉพาะชื่อสกุลเท่านั้น
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


2.ผู้แต่งสองคน
(ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
3.ผู้แต่งสามคน


(ชื่อ-สกุล,/ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
4.ผู้แต่งมากกว่า 3 คน


(ชื่อ-สกุล/และคณะ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
(ชื่อ-สกุล/และคนอื่นๆ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


5.ผู้แต่งที่มีฐานันดรศักดิ์

(ฐานันดรศักดิ์ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


6.ผู้แต่งที่มียศตำแหน่ง
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


7.ผู้แต่งที่ใช้นามแฝง
(ชื่อ-สกุล,/นามแฝง.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


8.ผู้แต่งที่เป็นสถาบันหรือหน่วยงาน
(ชื่อหน่วยงาน.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)

9.ชื่อผู้แต่งที่เป็นสถาบันที่มีชื่อยาว
ชื่อหน่วยงาน(ตัวย่อของหน่วยงาน)(ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
สำนักงาน ตัวย่อของหน่วยงาน (ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


10.ผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ ผู้แต่งไม่ปรากฏชื่อมีแต่ชื่อผู้รวบรวมหรือบรรณาธิการ
(ชื่อ-สกุล, บรรณาธิการ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


11.ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
(ชื่อเรื่องหรือบทความ.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


12.หนังสือแปล
หนังสือแปลระบุชื่อผู้แต่งที่เป็นเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อผู้แต่ง สะดกเป็นภาษาไทย
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
หนังสือแปลไม่ระบุชื่อผู้แต่งที่เป็นเจ้าของเรื่อง
(ชื่อ-สกุล, ผู้แปล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


13.เนื้อเรื่องที่อ้างอิงต้นฉบับเดิมเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อกล่าวถึงผู้แต่งในตัวเนื้อเรื่องให้ลงชื่อสกุลของผู้แต่งนั้นด้วยภาษาอังกฤษแล้วตามด้วย (ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


14.ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม
ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า,/ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)
ผู้แต่งคนเดียวเขียนเอกสารหลายเล่ม บางเล่มปีที่พิมพ์ซ้ำกัน
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์ก/:/เลขหน้า)
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/ข/:/เลขหน้า)


15.ผู้แต่งหลายคน เอกสารหลายเรื่องต้องการอ้างถึงพร้อมๆ กัน
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า;/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า;/ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


16.การอ้างอิงงานของผู้แต่งชาวต่างประเทศที่มีนามสกุลเหมือนกัน ในกรณีที่ชื่อต้นและชื่อกลางของผู้แต่งมีนามสกุลเดียวกัน
(ชื่อ,ชื่อ/and/ชื่อ,/สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


17.วัสดุที่ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์
(ชื่อ-สกุล.//ม.ป.ป./:/เลขหน้า) ....ม.ป.ป. ย่อมาจาก ไม่ปรากฏปีที่พิมพ์


18.การอ้างอิงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือที่ไม่ใช่เนื้อหา
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/คำแสดงส่วนของหน้งสือ)


19.การอ้างอิงจากแหล่งรอง
(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า;/อ้างอิงจาก/ชื่อ-สกุลฐ//ชื่อเรื่อง.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า)


20.การอ้างอิงจากการสัมภาษณ์
(ชื่อ-สกุล.//สัมภาษณ์.//ปีที่พิมพ์)


21.การอ้างอิงวัสดุประเภทสื่อโสตทัศน์
(ชื่อ-สกุล.//ประเภทวัสดุ.//ปีที่พิมพ์)

(ชื่อหน่วยงาน.//ประเภทวัสดุ.//ปีที่พิมพ์)


22.การอ้างอิงข้อมูลจากอันเตอร์เน็ต
(ชื่อ-สกุล.//http://ที่อยู่เวปไซต์.//ปีที่พิมพ์)


23.การอ้างอิงข้อมูลในเนื้อหา
ชื่อ-สกุล (ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า).....เนื้อหา..... เรียกว่า อ้างหน้า
.....เนื้อหา(ชื่อ-สกุล.//ปีที่พิมพ์/:/เลขหน้า) เรียกว่า อ้างหลัง

รูปแบบการเขียนและความสำคัญของบรรณานุกรม

รูปแบบและความสำคัญของการพิมพ์บรรณานุกรม

ความสำคัญของการรวบรวมบรรณานุกรม

1.เพื่อแสดงว่า รายงานนั้นเป็นรายงานที่มีเหตุผลและมีสาระไม่ใช่ผู้เรียบเรียงคิดขึ้นมาลอยๆ ตามความพอใจ

2.เพื่อแสดงว่า ผู้เรียบเรียงรายงานเคารพสิทธิและความคิดเห็นของผู้แต่งหนังสือหรือสิ่งที่ผู้เรียบเรียงนำมาใช้ประกอบการเรียบเรียง

3.เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้สนใจศึกษารายละเอียด ข้อเท็จจริงของสิ่งพิมพ์ ฯลฯ ที่ผู้เรียบเรียงนำมาประกอบเป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้อีก

4.เพื่อเป็นแหล่งตรวจสอบหลักฐานดั้งเดิมของข้อเท็จจริงที่ผู้เขียนนำมาเป็นข้อเขียนในรายงานนั้นๆ ได้

รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมประเภทต่างๆ
1.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากหนังสือ มีรูปแบบดังนี้

ชื่อผู้แต่ง.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือที่มีผู้แต่งสองคน
ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือที่มีผู้แต่งสามคน
ชื่อ-สกุล,ชื่อ-สกุล/และ/ชื่อ-สกุล.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือที่มีผู้แต่งมากกว่าสามคน
ชื่อ-สกุล/และคณะ.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือที่ผู้แต่งใช้นามแฝงหรือชื่อย่อ
ชื่อ/(นามแฝง). //ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือที่ผู้แต่งเป็นสถาบันหรือสิ่งพิมพ์ที่ออกในนามหน่วยงานราชการ
ชื่อสถาบัน-หน่วยงาน.//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือที่มีบรรณาธิการ
ชื่อ-สกุล,บรรณาธิการ. //ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือแปล
ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง,/แปลจาก//ชื่อเรื่อง//โดย/ชื่อ-สกุล.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนัก พิมพ์,/ ปีที่พิมพ์.
ชื่อ-สกุล,/ผู้แปล.//ชื่อเรื่อง,แปลจาก//ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

หนังสือที่ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
ชื่อเรื่อง.//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.

ปริญญานิพนธ์ วิทยานิพนธ์หรือการศึกษาอิสระ
ชื่อ-สกุล.//ชื่อเรื่อง.//วิทยานิพนธ์/หลักสูตรและการสอน/จังหวัดที่สถานศึกษาสังกัด/:/ชื่อสถานศึกษา,/ปีที่พิมพ์.

สิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นการรวบรวมบทความ
ชื่อผู้เขียน.//“ชื่อบทความหรือชื่อตอน,”/ใน/ชื่อเรื่อง,//ชื่อบรรณาธิการหรือชื่อผู้รวบรวม(ถ้ามี).//
หน้าที่ตีพิมพ์บทความหรือตอนนั้น.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
**ถ้าไม่มีชื่อผู้เขียนให้ลงรายการแรกด้วยชื่อบทความหรือชื่อตอน

เอกสารที่ไม่เป็นเล่ม
ชื่อหน่วยงานที่ออกเอกสาร.//ชื่อเรื่อง./(ชนิดของเอกสาร).//ครั้งที่พิมพ์.//สถานที่พิมพ์/:/สำนักพิมพ์,/ปีที่พิมพ์.
**ชนิดของเอกสารก็เช่น แผ่นพับ เป็นต้น

คำสั่ง ประกาศ ของหน่วยงานต่างๆ
ชื่อหน่วยงาน.//คำสั่งที่/ตัวเลข/ตัวเลข./เรื่อง/ชื่อเรื่อง.//วันที่/เดือน/ปีที่พิมพ์.
ชื่อหน่วยงาน.//ประกาศหน่วยงาน/เรื่อง/ชื่อเรื่อง./วันที่/เดือน/ปีที่พิมพ์.

2.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมบทความจากวารสาร
ชื่อ-สกุลผู้เขียนบทความ.//“ชื่อบทความ,”//ชื่อวารสาร.//ปีที่,ฉบันที่(ปีที่พิมพ์)/:/เลขหน้า.
ในกรณีที่บทความไม่จบในฉบับ ให้ใส่เครื่องหมายอัฒภาคแล้วใส่ปีที่ ฉบับที่ ของวารสารฉบับต่อๆ ไป พร้อมเลขหน้า

3.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมบทความ ข่าวหรือคอลัมน์จากหนังสือพิมพ์
ชื่อผู้เขียน.//“ชื่อบทความหรือหัวข้อในคอลัมน์,”//ชื่อหนังสือพิมพ์.//วันที่/เดือน/ปี/:/เลขหน้า.

4.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากการสัมภาษณ์
ผู้ให้สัมภาษณ์.//ตำแหน่ง(ถ้ามี).//สัมภาษณ์,วันเดือนปี.

5.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากรายการวิทยุหรือโทรทัศน์
ชื่อผู้บรรยาย.//ชื่อรายการ.//สถานี//วันเดือนปี.//เวลาที่ออกอากาศ.

6.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมของวัสดุสื่อโสตทัศน์ประเภทภาพยนตร์ ภาพเลื่อน ภาพนิ่ง แผนที่และวีดิทัศน์
ชื่อเรื่อง.//(ชนิดของวัสดุ).//สถานที่ผลิต/:/ผู้ผลิต,/ปี่ที่ผลิต.

7.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากวัสดุสื่อโสตทัศน์ประเภทแถบบันทึกเสียง แผ่นเสียงและแผ่นซีดี
ชื่อผู้บรรยายหรือผู้พูดหรือผู้ขับร้อง(ถ้ามี).//ชื่อของวัสดุ.//(ประเภทของวัสดุ).//สถานที่ผลิต/:/ผู้ผลิต,/ปีที่ผลิต.

8.รูปแบบการพิมพ์บรรณานุกรมจากแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ข้อมูลจากหนังสือหรือที่เป็นเนื้อหา
ชื่อ-สกุลผู้แต่ง.//ชื่อเรื่อง.//(ประเภทของสื่อที่เข้าถึง).//แหล่งที่มาหรือ Available/:/ชื่อของแหล่งที่มา/
ชื่อแหล่งย่อย.//ปีที่สืบค้น.
ข้อมูลที่เป็นบทความจากหนังสือหรือวารสาร
ผู้แต่ง.//“ชื่อบทความ,”//(ประเภทของสื่อที่เข้าถึง).//ปีที่,ฉบับที่ (ปี พ.ศ.)/:/หน้า.//แหล่งทที่มาหรือ Available/:/
ชื่อของแหล่งที่มา/ชื่อแหล่งย่อย.//ปีที่สืบค้น.


หมายเหตุ

ถ้าขึ้นบรรทัดใหม่ให้เว้นช่องว่างไป 7 ตัวอักษรนับจากตัวอักษรตัวแรก
/ หมายถึง ให้เคาะห่าง 1 เคาะ
// หมายถึง ให้เคาะห่าง 2 เคาะ

ความหมายของ Topology

Topology หมายถึงลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายด้วยกัน (สุรชาติ พงศืสุธนะ,)


Topology คือ รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย เป็นลักษณะที่บอกถึงรูปร่างหรือโครงสร้างของระบบเครือข่าย (พิศาล พิทยาธุรวิวัฒน์,)


Topology เป็นรูปแบบการต่อของระบบเครือข่ายท้องถิ่น LAN (วิทยา บุญสุข,)

สรุป
Topology หมายถึง รูปแบบหรือโครงสร้างการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย

ความหมายของโปรโตคอล

โปรโตคอล คือ ข้อตกลงหรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นสำหรับการสื่อสารเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารหรือรับส่งข้อมูลกันได้อย่างถูกต้องและไม่ผิดพลาด ไม่ว่าจะอยู่ในเครือข่ายเดียวกันหรือข้ามเครือข่าย (พิศาล พิทยาธุรวิวัฒน์,)


โปรโตคอล คือ กฎเกณฑ์ ระเบียบ หรือข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมา เพื่อเป็นข้อตกลงที่ใช้สำหรับเป็นมาตรฐานในการกำหนดบทบาทหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลให้ถูกต้องตรงกัน บทบาทสำคัญของโปรโตคอลก็เพื่อให้อุปกรณ์ทั้งสองฝั่งสามารถสื่อสารและเข้าใจตรงกัน เพื่อให้ผลของการสื่อสารระหว่างกันเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง (โอภาส เอี่ยมสริริวงศ์,)


โปรโตคอล คือ ภาษากลางในการสื่อสารกัน ระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่อง (ธวัชชัย ชมศิริ,)

สรุป
โปรโตคอล คือ กฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานในการกำหนดบทบาทและหน้าที่ในการสื่อสารให้ถูกต้องตรงกัน

ความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพีซี เครื่องเซิร์ฟเวอร์ เครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ มาต่อเชื่อมกันเพื่อจุดประสงค์หลายๆ อย่าง(ธวัชชัย ชมศิริ,)


เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องที่สามารถติดต่อกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การติดต่อจะผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ(สุรชาติ พงศืสุธนะ,)


เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปที่เป็นอิสระต่อกันนำมาเชื่อมต่อถึงกันได้ โดยไม่คำนึงถึงระยะทางระหว่างเครื่องทั้งสอง(สัลยุทธ์ สว่างวรรณ,)


สรุป
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ การนำเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพีซี เครื่องเซิร์ฟเวอร์ เครื่องพิมพ์ หรืออุปกรณ์เครือข่ายมาต่อเชื่อมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน หรือทำงานร่วมกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงระยะทางของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่นำมาต่อเชื่อมกันนั้น

ความหมายของการสื่อสารข้อมูล

การสื่อสารข้อมูล คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ส่งไปยังผู้รับโดยอาศัยวิธีการส่งข้อมูลรูปแบบต่างๆ กัน การสื่อสารระหว่างบุคคจะใช้การพูกหรือการเขยน สำหรับกรสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์จะเป็นการส่งแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ต้นทางไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทาง(เดชานุชิต กตัญญูทวีทิพย์, )


การสื่อสารข้อมูล หมายถึง การส่งข้อมูลข่าวสารจากจุดๆ หนึ่ง ซึ่งเรียกว่า จุดเริ่มหรือจุดส่งสัญญาณไปยังจุดปลายหรือจุดรับข่าวสาร โดยอาศัยตัวกลางหรือพาหะนำสัญญาณ(วิทยา บุญสุข,)


การสื่อสาร คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสอง ผ่านตัวกลางในการสื่อสาร(โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์,)


สรุป
การสารข้อมูล หมายถึง การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันระหว่างผู้ส่งและผู้รับจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยมีตัวกลางในการสื่อสารหรือพาหะนำสัญญาณในการสื่อสาร

องค์ประกอบของการสื่อสาร

องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 3 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูลจะต้องถึงปลายทางที่ถูกต้อง
2. ข้อมูลจะต้องถูกต้อง
3. ข้อมูลต้องถึงในเวลาที่กำหนด
(สุรชาติ พงศ์สุธนะ,)


องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 5 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูลข่าวสาร
2. ผู้ส่งข้อมูล
3. ผู้รับข้อมูล
4. ตัวกลางในการส่งข้อมูล
5. โปรโตคอล
(โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์,)


องค์ประกอบของการสื่อสาร มี 5 ประการ ดังนี้
1. ข้อมูล
2. ผู้ส่ง
3. ผู้รับ
4. สื่อ
5. โปรโตคอล
(เดชานุชิต กัตัญญูทวีทิพย์,)


สรุป
องค์ประกอบของการสื่อสาร จะต้องประกอบด้วย ข้อมูลที่จะส่งออกไป ผู้ส่งข้อมูล ผู้รับข้อมูล สื่อกลางที่จะใช้ในการส่งข้อมูล และโปรโตคอล จึงจะสื่อสารกันได้

หลักของ TCP/IP

1. คำสั่ง Ping คือ คำสั่งที่ใช้ในการทดสอบสถานการณ์เชื่อมต่อระบบเครือข่ายว่าขณะนั้นคุณสามารถเชื่อมต่อกับเป้าหมายปลายทางได้หรือไม่ คำว่า “ เป้าหมายปลายทาง “ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เครือข่ายที่สามารถกำหนดหมายเลข IP Address ได้ , ชื่อของเครื่องหรืออุปกรณ์ในระบบเครือข่าย , ชื่อของเว็บไซต์ เป็นต้น รูปแบบของคำสั่งใช้งานได้ตามตัวอย่าง คือ
ตัวอย่างที่ 1
Ping 10.20.1.118 or Ping www.google.com

2. TCP/IP: TCP ย่อมาจาก Transmission Control Protocol เป็นโพรโตคอลที่ทำงานโดยอาศัย IP ในขณะที่ IP เป็นตัวจัดการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องสามารถติดต่อสื่อสารกันไปมาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และทำหน้าที่ในการอนุญาตให้ Application แต่ละชนิด (หรือที่นิยมเรียกว่า "บริการ") ของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถติดต่อกันได้

3.คำสั่ง ipconfig เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับเรียกดูหมายเลข IP Address ของเครื่องที่ท่านใช้งานอยู่ ซึ่งถ้าหากท่านไม่ทราบว่าหมายเลข IP Address ของเครื่องที่ท่านใช้งานอยู่นั้นเป็นหมายเลขอะไรหรือมีรายละเอียดอะไรที่เกี่ยวข้องกับหมายเลข IP Address สามารถใช้คำสั่งนี้เรียกดูผ่านหน้าต่าง Command Prompt และเมื่อมีการเติม /all เข้าไปคำสั่ง ipconfig/all จึงเป็นคำสั่งที่ต้องการขอดูข้อมูลทั้งหมดของ Host Name,PrimaryDnsSuffix,Nodetype,IPRouting,WINSProxy,DNSSuffixSearchList,PhysicslAddress,Dhcp,Autoconfiguration,IPAddress,Subnet Mask,Gateway,DHCP Server,DNS Servers,Primary WINS Servers, Lease Obtained และ Lease Expires ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราทำการใช้งานอยู่ในขณะนั้น

4. คำสั่ง tracert คือคำสั่งที่ใช้ในการดูเส้นทางการเดินของข้อมูลระหว่าง hop ต่างๆ ตั้งแต่ต้นทาง ไปถึงปลายทาง สรุปคือ คำสั่ง Tracert เป็นคำสั่งที่จะช่วยให้เราสามารถดูรายละเอียดเส้นทางการเชื่อมต่อของ Router ไปยังจุดหมายปลายทาง โดยใช้คำสั่ง Tracert เพื่อประเมินว่า Router หรือการเชื่อมต่อบนเส้นทางที่ทอดสู่คอมพิวเตอร์ปลายทางนั้น เกิดปัญหาติดขัดหรือไม่

5. คำสั่งOptions:-t Ping ไปยัง Host ตามที่ระบุเรื่อยๆ จนกว่าจะสั่งยกเลิกโดยกดแป้น Ctrl-C.และหากต้องการดูสถิติให้กดแป้น Ctrl-Break-a เปลี่ยนหมายเลข IP Address ของ Host เป็นชื่อแบบตัวอักษร-n count Ping แบบระบุจำนวน echo ที่จะส่ง-l size กำหนดขนาด buffer-f ตั้งค่าไม่ให้แยก flag ใน packet.-i TTL Ping แบบกำหนด Time To Live โดยกำหนดค่าตั้งแต่ 1-255-v TOS กำหนดประเภทของบริการ (Type of service)-r count Ping แบบให้มีการบันทึกเส้นทางและนับจำนวนครั้งในการ hops จนกว่าจะถึงปลายทาง-s count Ping แบบนับเวลาในการ hop แต่ละครั้ง-j host-list Loose source route along host-list.-k host-list Strict source route along host-list.-w timeout Ping แบบกำหนดเวลารอคอยการตอบรับ

สรุปเกี่ยวกับระบบเครือข่าย (Animatio)

ป1.การติดต่อสื่อสารที่ไม่มีเครือข่ายระหว่างคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ทำให้เกิดความล่าช้าต่อการทำงาน เพราะต้องบันทึกข้อมูลลงในแผ่นเก็บข้อมูลก่อน แล้วจึงนำข้อมูลไปสั่งพิมพ์อีกที่หนึ่ง

2.HUB คือ อุปกรณ์ทีใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการกระจายสัญญาณ เมื่อเครื่องหนึ่งต้องการส่งสัญญาณไปอีกเครื่องหนึ่ง ตัว hub จะทำหน้าที่ส่งออกไปให้กับทุกเครื่อง ถ้าเครื่องเป็นผู้รับ ก็จะรับข้อมูลไป ถ้าไม่ใช้ก็จะไม่รับ

3.Switch: คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณเช่นเดียวกับ Hub สิ่งที่ Switch แตกต่างจาก Hub ก็คือ Switch จะมีการแยก Collision Domain ของพอร์ตเชื่อมต่อออกจากกัน Hub จะกระจายสัญญาณไปที่ทุกๆ พอร์ตแต่ Switch นั้นจะเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเข้ากับพอร์ตๆ หนึ่งเท่านั้น โดยที่ Switch จะทำการบันทึก Address ของเครื่องเอาไว้ในการติดต่อกันในครั้งแรก ในการกระจายสัญญาณครั้งต่อไป Switch จะรู้ทันทีว่าสัญญาณที่รับมานั้นเมื่อขยายสัญญาณแล้วจะกระจายไปยังพอร์ตใด ซึ่งเป็นข้อเด่นของ Switch ที่ทำการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วกว่า Hub

4.ในการเชื่อมต่อ เครื่องพิมพ์กับคอมพิวเตอร์ไว้โดยผ่าน Switch จะสามารถสั่งพิมพ์งานได้โดยเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ แต่ในการ บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง โดยไม่ได้บันทึกไว้ที่ เซิร์ฟเวอร์ หาก ผู้ใช้ต้องการไปเปิดไฟล์ข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ก็ไม่สามารถใช้ข้อมูลที่บันทึกนั้นได้

5.แต่ถ้ามีเซิร์ฟเวอร์ไว้เก็บข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง หาก ผู้ใช้ต้องการไปเปิดไฟล์ข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ก็สามารถใช้ข้อมูลที่บันทึกนั้นได้

6.หากต้องการเพิ่มการเชื่อมต่อโดยที่ port เต็มแล้ว สามารถ นำ Switch มาเชื่อมต่อเพิ่มได้

7. ARP(Address Resolution Protocol) เป็นโปรโตคอลชนิดหนึ่งที่เป็นกลางในการสื่อสารการจับคู่ระหว่าง IP address กับตำแหน่งของอุปกรณ์ในเครือข่าย การระบุตำแหน่งของอุปกรณ์รู้จักในชื่อของ MAC address

8. การส่งข้อมูลในหลายๆเครือข่ายโดยที่ IP address และ MAC addressของคอมพิวเตอร์ต้นทางและปลายทางแตกต่างกันจะมีrouter เป็นตัวอ่านและปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้ากับแหล่งที่มาปลายทางใหม่

9.Dynamic Host Configuration Protocol (DHCP)จะเป็นตัวจ่าย IP ให้แก่เครื่องลูก (clients) โดย
อัตโนมัติ สำหรับเน็ตเวอร์ดที่มีเครื่องลูกหลายเครื่อง การกำหนด IP ให้แต่ละเครื่องบางครั้งก็ยากในการจดจำ ว่ากำหนด IP ให้ไปเป็นเบอร์อะไรบ้างแล้ว พอมีเครื่องเพิ่มเข้ามาในเน็ตเวอร์ดใหม่ ต้องกลับไปค้น เพื่อจะ assign เบอร์ IP ใหม่ไม่ให้ซ้ำกับเบอร์เดิม DHCP Server จะทำหน้าที่นี้แทน โดยเครื่องลูกเครื่องไหนเปิดเครื่อง ก็จะขอ IP มายัง DHCP Server และ DHCP Server ก็จะกำหนด IP ไปให้เครื่องลูกเอง โดยไม่ซ้ำกัน

10. Routing Protocol คือโปรโตคอลที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน routing table ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆที่ทำงานในระดับ Network Layer (Layer 3) เช่น Router เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูล (IP packet) ไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางได้อย่างถูกต้อง โดยที่ผู้ดูแลเครือข่ายไม่ต้องแก้ไขข้อมูล routing table ของอุปกรณ์ต่างๆตลอดเวลา เรียกว่าการทำงานของ Routing Protocol ทำให้เกิดการใช้งาน dynamic routing ต่อระบบเครือข่าย

11. Subnets เป็นพารามิเตอร์ (Parameter) อีกตัวหนึ่งที่ต้องระบุควบคู่กับหมายเลข IP Address เพื่อทำหน้าที่ช่วยแยกแยะว่าส่วนใดภายในหมายเลข IP Address เป็น Network Address และส่วนใดเป็นหมายเลข Host Address ดังนั้น เมื่อเราระบุ IP Address ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์์ เราจำเป็นต้องระบุ Subnet mask ลงไปด้วยทุกครั้ง โดย Subnet Mask จะประกอบด้วยตัวเลข 4 ตัว ที่คั่นด้วยจุด เช่น 255.255.255.0 วิธีการที่จะบอกว่าคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องอยู่ในเครือข่ายวงเดียวกัน (หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง ก็คืออยู่ใน subnet เดียวกัน) หรือเปล่า สามารถทำได้โดยเอา Network Mask มา AND กับ IP Address ถ้าได้ค่าตรงกัน แสดงว่าอยู่ใน subnet เดียวกัน ถ้าได้ค่าไม่ตรงกัน ก็แสดงว่าอยู่คนละ subnet

12.TCP จะใช้หลักการของ three-way hanshake เพื่อทำการสร้าง connection ขึ้นโดย Client จะทำการส่ง SYN ไปให้ server เพื่อขอสร้าง connection Server จะทำการ replies มาด้วยการส่ง SYN-ACK และ Client จะทำการส่ง ACK กลับไปหา server จากนั้นทั้ง client และ server จะมี connection เกิดขึ้นแล้ว

13. ระบบ TCP multiplexing ช่วย เพิ่ม ประสิทธิภาพ ของ เซิร์ฟเวอร์ หรือ บริการ อินเทอร์เน็ตโดยทำ หน้าที่เป็นตัวต่อ เซิร์ฟเวอร์ แคช และ เครือ ข่าย การ จัด ส่ง

14.การส่งข้อมูลจาก East Network ไปยัง West Network และส่งกลับคืนมาเท่ากับค่า64แล้วส่งกลับไปยังเครื่อง West Network แล้วจะส่งกลับมายัง East Network=72,80

15.การส่งสัญญาณโดยใช้สัญญาณโทรศัพท์

16.การส่งข้อมูลโดยส่ง0ไปยัง Network สามารถเดินทางได้สองเส้นทาง แต่บางครั้งเส้นทางที่หนึ่งก็ทำให้ข้อมูลเสียหายได้

17.บัฟเฟอร์ คือ การพักข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สองตัว ซึ่งอาจจะมีการทำงานไม่เท่ากันทำการพักข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วและช้าทำงานร่วมกัน

18.การส่งข้อมูลจาก East Network ไปยัง West Network และส่งข้อมลกลับไปที่ East Network โดยมี Router เป็นสื่อในการส่งต่อ

19.การค้นหาข้อมูลจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต www.nst.gov เมื่อพบข้อมูล www.nst.gov จะส่งกลับมา

20.User1@umassd.edv ไปยัง User2@net-seal.net โดยผ่านทาง Mail Server mail.Umassd.edu แล้วส่งผ่านทาง Mail Sever mail.net-seal.net โดยใช้สื่อกลางในการส่ง คือ Router

21.การเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยไม่ต้องใช้สายส่งสัญญาณ

22.การส่งข้อมูลจาก West Network ไปยัง East Network โดยส่งผ่านทาง Router ชื่อ Intermediate Router Using TPv4 โดยการกำหนด TPv6

23.การส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่งโดยคอมพิวเตอร์ที่เป็นตัวรับจะทำการปลดล็อกเพื่อที่จะให้คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งส่งข้อมูลมายังเครื่องที่รับได้

24.ป้องกันการ login ที่ไม่ได้รับอนุญาตที่มาจากภายนอกเครือข่าย - ปิดกั้นไม่ให้ traffic จากนอกเครือข่ายเข้ามาภายในเครือข่ายแต่ก็ยอมให้ผู้ที่อยู่ภายในเครือข่ายสามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ - เป็นจุดรวมสำหรับการรักษาความปลอดภัยและการทำ นอกจากไฟร์วอลล์จะต้องเชื่อมต่อเฉพาะเว็บไซต์ส่วนตัว ในไฟร์วอลล์มีการกำหนดกฎโดยผู้ดูแลระบบเครือข่ายของเวปไซต์เอกชน กฎเหล่านี้ให้ไฟร์วอลล์เพื่อระบุการเข้าชมเครือข่ายที่สามารถส่งต่อและปริมาณที่ควรจะกรอง

25.คอมพิวเตอร์จะทำการ Buffer ข้อมูลส่งให้กับ Router จะทำการ receive buffer แล้วส่งกลับมายังคอมพิวเตอร์

26.การ buffer ข้อมูล และจะส่งที่ละสามข้อมูลให้ Router จากนั้น Router จะทำการส่งข้อมุลกลับไปสามตัวเหมือนเดิม

27.การส่งข้อมูลไปยัง Router ทีละสามข้อมูลแต่ส่งกลับมาช้ามาก และมีการทำงานทั้งหมดหกเฟรม

28.คือการส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตัวแรกโดยทำการเช็คว่าเป็น
Appication,presenttation,Session,Transport,Network,Data ling ,Physicalแล้วส่งต่อไปยัง Bthemet LAN แล้วทำการเช็ค แล้วส่งไปที่ ATM WAN แล้วทำการเช็คตัวที่สอง แล้วส่งไปทาง Ethenet LAN แล้วทำการเช็คอีกครั้ง

29.เมื่อส่ง Files จากเครื่องคอมพิวเตอร์สีฟ้า และ Files เครื่องคอมพิวเตอรืสีแดง ไปยัง Files; netseal.jpg index.html แล้วส่งกลับไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งสองก็จะมี Files ชื่อ netseal.jpg ต่อมาก็ส่ง Files จากเครื่องคอมพิวเตอร์สีเขียวกับสีเหลืองไปยัง Files;netseal.jpg indax.html เหมือนเดิมแล้วจะส่งกลับไปยังที่เดิมเป็น Files;netseal.jpgเหมือนเดิม

30.Ad-Hoc Network แตกต่างจากเครือข่ายไร้สายบริหาร Ad-Hoc Network เป็นเครือข่ายไร้สายที่ไม่ต้องการจุดเชื่อมในการจัดการการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ของ คอมพิวเตอร์แต่ละใน Ad-Hoc Network สามารถส่งข้อมูลระหว่างคู่อื่นๆคอมพิวเตอร์ (คือสามารถกระทำ เช่น router) คอมพิวเตอร์ที่สามารถเข้าร่วมและออกจากการ Ad-Hoc Network แบบไดนามิก ดังนั้นเส้นทางในการส่งข้อมูลจากผู้ส่งที่จะรับพิจารณาตามการเชื่อมต่อเครือข่าย ความล้มเหลวหรือออกของเครื่องคอมพิวเตอร์ตามเส้นทางดังกล่าวจะทำให้อัตโนมัติ rerouting ข้อมูล ดังนั้น Ad-Hoc Network มีภูมิคุ้มกันต่อจุดเดียวของความล้มเหลวต่างจากความล้มเหลวของจุดเชื่อมในเครือข่ายไร้สาย